การออกแบบระบบสปริงเกอร์เบื้องต้น

การออกแบบสปริงเกอร์เบื้องต้น

การออกแบบระบบสปริงเกอร์เบื้องต้น: สร้างสวนสวยด้วยระบบรดน้ำอัจฉริยะ

หลายคนอาจมีคำถามมากมายเกี่ยวกับการออกแบบ ระบบสปริงเกอร์ หรือ ระบบรดน้ำต้นไม้อัตโนมัติ ว่าควรเลือกใช้อุปกรณ์อะไร ขนาดเท่าไหร่ และจำนวนเท่าใด บทความนี้จะช่วยไขข้อข้องใจ เพื่อให้คุณสามารถวางแผนระบบที่เหมาะสมกับสวนของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ก่อนอื่น การออกแบบ ระบบสปริงเกอร์ ที่ดีต้องเริ่มต้นจากการทำความเข้าใจความต้องการของพืชแต่ละชนิดในพื้นที่ของคุณ ไม่ว่าจะเป็นประเภทพืช ความต้องการน้ำ และปริมาณน้ำต่อวันที่เหมาะสม การเลือกอุปกรณ์เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการออกแบบ เพราะลักษณะการให้น้ำที่แตกต่างกันส่งผลอย่างมากต่อขนาดของอุปกรณ์ที่ใช้ ตัวอย่างเช่น สวนขนาดเท่ากัน สวนหนึ่งใช้ ระบบน้ำหยด กับอีกสวนที่เป็นสนามหญ้า ขนาดของอุปกรณ์ที่จำเป็นอาจแตกต่างกันได้ถึง 10 เท่าเลยทีเดียว


จุดประสงค์หลักของการออกแบบระบบสปริงเกอร์ที่ดี

  • รดน้ำทั่วถึง เพียงพอ และมีประสิทธิภาพ: มั่นใจได้ว่าต้นไม้ทุกต้นได้รับน้ำในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากหรือน้อยเกินไป
  • ประหยัดค่าใช้จ่าย: ทั้งค่าอุปกรณ์ ค่าแรงติดตั้ง และที่สำคัญคือ ค่าพลังงานไฟฟ้า ที่ใช้ในการรดน้ำ
  • ติดตั้งง่าย ไม่ซับซ้อน: ลดความยุ่งยากในการติดตั้งและบำรุงรักษา

 

ขั้นตอนสำคัญในการออกแบบระบบสปริงเกอร์เบื้องต้น

1. เลือกหัวจ่ายน้ำที่เหมาะสม: หัวใจของระบบสปริงเกอร์

การตัดสินใจเลือก หัวจ่ายน้ำ หรือ หัวสปริงเกอร์รดน้ำต้นไม้ ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะส่งผลต่อการออกแบบระบบทั้งหมด เรามีข้อแนะนำในการเลือกดังนี้:

  • ครอบคลุมพื้นที่: เลือกหัวจ่ายน้ำที่มีรัศมีการรดน้ำครอบคลุมบริเวณที่ต้องการได้อย่างทั่วถึง หยดน้ำหรือฝอยน้ำไม่ควรเล็กและเบาเกินไปจนปลิวไปกับลม ทำให้พืชไม่ได้รับน้ำเพียงพอ และไม่ควรแรงจนทำให้พืชบอบช้ำ
  • อัตราการกินน้ำต่ำ: ควรเลือกหัวจ่ายน้ำที่มีอัตราการกินน้ำต่ำ หรือมีรูเล็ก เช่น หัวมินิสปริงเกอร์ ขนาด 90 ลิตรต่อชั่วโมง (3 ลิตรต่อนาที) การเลือกหัวจ่ายน้ำที่มีอัตราการกินน้ำต่ำจะช่วยประหยัดค่าอุปกรณ์และค่าท่อน้ำที่ใช้ติดตั้งได้มาก อย่างไรก็ตาม ต้องไม่เล็กจนเกิดการอุดตันง่ายจากสิ่งสกปรก ซึ่งขึ้นอยู่กับคุณภาพน้ำและระบบกรองน้ำของคุณ

ตัวอย่างเปรียบเทียบการเลือกหัวจ่ายน้ำ: สวนนาย ก. vs นาย ข.

รายละเอียด  สวนนาย ก. สวนนาย ข.
จำนวนต้น 100 ต้น 100 ต้น
หัวจ่ายน้ำที่เลือกใช้

หัวมินิสปริงเกอร์ 180 ลิตร/ชม.

(3 ลิตร/นาที)

ติดตั้งต้นละ 2 หัว

หัวสปริงเกอร์แบบปีกผีเสื้อ 600 ลิตร/ชม.

(10 ลิตร/นาที)

ติดตั้งต้นละ 2 หัว

จำนวนหัวสปริงเกอร์ 200 หัว 200 หัว
ระยะเวลาให้น้ำแต่ละต้น 

 50 นาที

(พืชต้องการน้ำ 150 ลิตร/วัน)

15 นาที 

(พืชต้องการน้ำ 150 ลิตร/วัน)

 ปั๊มน้ำ 1.5 แรงม้า   3 แรงม้า
 ขนาดท่อเมน และวาล์ว  1 นิ้ว 2 นิ้ว 
1 โซนจ่ายน้ำได้ 50 หัว 20 หัว
จำนวนโซน 4 โซน 10 โซน
     

จากตารางจะเห็นได้ว่า การเลือกใช้ หัวจ่ายน้ำ ที่แตกต่างกันเพียงอย่างเดียว อาจทำให้ค่าใช้จ่ายโดยรวมต่างกันได้ถึง 2-3 เท่า แม้ว่าต้นไม้จะได้รับน้ำในปริมาณที่เท่ากันก็ตาม

2. เลือกระบบการรดน้ำที่เหมาะสม

การเลือกระบบการรดน้ำมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการออกแบบ ระบบรดน้ำต้นไม้อัตโนมัติ โดยรวม ระบบบางประเภทอาจเหมาะสมกับสวนชนิดหนึ่ง แต่อาจไม่เหมาะกับอีกชนิดหนึ่ง เราแบ่งระบบการรดน้ำออกเป็น:

  • ระบบการรดน้ำขนาดเล็ก: ใช้น้ำจากก๊อกน้ำและติดตั้ง ตัวตั้งเวลาแบบติดก็อกน้ำ เพื่อเปิด-ปิดน้ำอัตโนมัติ
  • ระบบการรดน้ำขนาดกลาง : ใช้เครื่องตั้งเวลารดน้ำต้นไม้อัตโนมัติ เปิด-ปิดวาล์วโซลีนอยไฟฟ้า แบ่งเป็นโซน ปั๊มน้ำทำงานอัตโนมัติในตัวเอง เช่นปั๊มที่ใช้ตามบ้านทั่วไป
  • ระบบการรดน้ำขนาดใหญ่ : ใช้ตู้ควบคุมปั๊มที่มีเครื่องตั้งเวลารดน้ำต้นไม้อัตโนมัติ เปิด-ปิดวาล์วโซลีนอยไฟฟ้า และเปิด-ปิดปั๊มน้ำโดยจ่ายไฟให้ปั๊มน้ำหอยโข่ง ให้ทำงานร่วมกันอย่างอัตโนมัติ

เราได้เขียนบทความเกี่ยวกับการเลือกระบบรดน้ำต้นไม้ไว้แล้ว สามารถกดลิงค์เพื่ออ่านรายละเอียดในแต่ละรายการ

 คลิ๊ก >>ระบบสปริงเกอร์แบบไหนเหมาะกับสวนของคุณ<< คลิ๊ก  

 คลิ๊ก>>รดน้ำต้นไม้ที่กว้างๆไม่จำเป็นต้องใช้ปั๊มขนาดใหญ่ ได้อย่างไร<<คลิ๊ก

 

3. เลือกขนาดปั๊ม ท่อ และวาล์ว 

การคำนวณและเลือกอุปกรณ์เหล่านี้อย่างถูกต้อง จะช่วยให้ ระบบรดน้ำต้นไม้อัตโนมัติ ของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ:

ตัวอย่างการคำนวณสำหรับสวนนาย ก.:

3.1 คำนวณอัตราการกินน้ำทั้งหมด (Load):

Load=จำนวนต้น×จำนวนหัวต่อต้น×อัตราการกินน้ำของหัวสปริงเกอร์

Load=100ต้น×2หัวต่อต้น×180ลิตร/ชม.=36,000ลิตร/ชม.

 

3.2 เลือกปั๊มน้ำ: มี 2 แนวทางหลัก:

  • ปั๊มเล็ก + ท่อเมนเล็ก + โซลีนอยด์วาล์วเล็ก + จำนวนโซนมาก: ใช้เวลารดน้ำนานกว่า
  • ปั๊มใหญ่ + ท่อเมนใหญ่ + โซลีนอยด์วาล์วใหญ่ + จำนวนโซนน้อย: ใช้เวลารดน้ำเร็วกว่า

ข้อควรระวัง: สำหรับพื้นที่เกษตรกรรมที่อยู่ห่างจากหม้อแปลงไฟฟ้า (เช่น ปลายสายส่ง) ควรหลีกเลี่ยงปั๊มน้ำขนาดใหญ่เกินไป เนื่องจากอาจเกิดไฟกระชากขณะสตาร์ท ทำให้แรงดันไฟฟ้าต่ำเกินไปจน ระบบควบคุมสปริงเกอร์ ทำงานผิดปกติได้

วิธีเลือกปั๊มแบบง่ายๆ:

  • หาแรงดันใช้งาน (H): เลือกปั๊มที่มีค่าแรงดันที่ต้องการ (เช่น 15 เมตร หรือ 1.5 บาร์) อยู่ที่ประมาณ 50-80% ของแรงดันสูงสุดของปั๊ม (H max)
  • หาปริมาณน้ำของปั๊ม (Q pump): เลือกใช้ปริมาณน้ำใช้งานเพียง 50-80% ของปริมาณน้ำสูงสุดของปั๊ม (Q max) เช่น หาก Q max = 18,000 ลิตร/ชม. ควรเลือกใช้ประมาณ 9,000 ลิตร/ชม.


 

3.3 คำนวณจำนวนโซน:

จำนวนโซน=อัตราการกินน้ำทั้งหมด(Load)/ปริมาณน้ำใช้งานของปั๊ม(Qpump)

จากตัวอย่าง: จำนวนโซน=36,000ลิตร/ชม./9,000ลิตร/ชม.=4โซน

เมื่อได้จำนวนโซน จะสามารถเลือกจำนวนวาล์วและรุ่นของ ตัวตั้งเวลา (Controller) ที่เหมาะสมได้

3.4 เลือกขนาดวาล์วและขนาดท่อ:

ใช้หลักง่ายๆ คือ ปริมาณน้ำใช้งานของปั๊ม (Q pump) ควรอยู่ที่ประมาณ 80-100% ของความสามารถสูงสุดที่ท่อและวาล์วสามารถรองรับได้ (Q max ของท่อ) กล่าวคือ ท่อและวาล์วที่เลือกจะต้องรองรับปริมาณน้ำได้ไม่ต่ำกว่าปริมาณน้ำใช้งานของปั๊ม (ในตัวอย่างคือไม่ต่ำกว่า 9,000 ลิตร/ชม.)


 

 หวังว่าบทความที่ปรับปรุงนี้จะเป็นประโยชน์ในการทำความเข้าใจและวางแผน ระบบรดน้ำต้นไม้อัตโนมัติ และ สปริงเกอร์รดน้ำต้นไม้ ของคุณนะครับ หากมีคำถามเพิ่มเติม ยินดีให้คำแนะนำครับ

 

by : Kittipong J.
        www.smartgardenthailand.com
        Tel. 0925438887
        Line ID : @smartgarden